ข่าวสาร

PCC มองทิศทางอนาคต Digital Government ไทย ต้องปรับใช้ Cloud และ Automation พร้อมผสานศักยภาพของคนรุ่นใหม่

การทำ Digital Transformation ในหน่วยงานภาครัฐเพื่อก้าวสู่การเป็น Digital Goverment ให้ได้อย่างเต็มตัวนั้น ยังคงเป็น Journey ที่ต้องเกิดขึ้นต่อเนื่อง ไปในอนาคต และ โปรเฟสชั่นนัลคอมพิวเตอร์ จำกัด (Professional Computer Co., Ltd.) หรือ PCC ในฐานะของธุรกิจผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาระบบ IT ของภาครัฐมาต่อเนื่องยาวนานหลายสิบปี ก็มีมุมมองที่น่าสนใจไม่น้อยเกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคดของ Digital Government ส่าหรับประเทศไทย

ในครั้งนี้ทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้สัมภาษณ์พูดคุยกับคุณวันชัย

อานันทนสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท PCC ที่มีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาระบบดิจิทัลภาครัฐขนาดใหญ่หลากหลายโครงการ ที่ได้มาให้ความเห็นและข้อคิดที่น่าสนใจสำหรับหน่วยงานภาครัฐที่ต้องการผลักดันก้าวไปสู่การเป็น Digital Government Agency จึงขอนำสรุปประเด็นที่น่าสนใจจากการพูดคุยกันดังนี้ครับ Digital Government Transformation Journey: ไม่ได้มีแต่เรื่องของเทคโนโลยี แต่ต้องมีการปรับเปลี่ยนนโยบายด้วย คุณวันชัยได้เล่าย้อนไปถึงประเด็นที่น่าสนใจในการปรับตัวของหน่วยงานภาครัฐในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับภัยโรคระบาดอย่าง COVID-19 และทำให้การทำงานต้องเปลี่ยนไปสู่รูปแบบของ Remote Working ในช่วงเวลานั้นเอง เป็นเวลาที่หน่วยงานภาครัฐหลายแห่งทั่วประเทศต่างต้องเร่งปรับตัวครั้งใหญ่ มีการผ่อนปรนรูปแบบการทำงานจากเดิมที่ต้องเข้ามาทำงานภายในอาคารสถานที่ของหน่วยงานไปสู่การเปิดให้มีการทำงานจากที่บ้านได้ เพื่อให้การดำเนินงานในหน่วยงานต่าง ๆ ยังคงทำงานและให้บริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง ณ เวลานั้น ความยืดหยุ่นดังกล่าวนี้เองที่ทำให้หน่วยงานภาครัฐหลายแห่งได้มีโอกาสในการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการทำงานไปจนถึงมุมมองในการให้บริการประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการประยุกต์นำเทคโนโลยีหลากหลายรูปแบบมาใช้ในการทำงาน, การเริ่มใช้บริการ Cloud เป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนรูปแบบ การให้บริการประชาชนไปสู่รูปแบบออนไลน์และการให้ความสำคัญด้านความมั่นคงปลอดภัย ที่เข้มข้นยิ่งขึ้นจากความเสี่ยงใหม่ ๆ หลายประการที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการทำงานนี้ รวมถึงการบังคับใช้พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำให้มีการควบคุมและเฝ้าระวังในการดูแลรักษาข้อมูลประชาชนมากยิ่งขึ้น

การเดินทางสู่การเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัล: ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของเทคโนโลยีเท่านั้น — การปรับเปลี่ยนนโยบายก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

สิ่งหนึ่งที่คุณวันชัยเห็นได้ชัด และเชื่อว่าหลาย ๆ คนเองก็คงเห็นภาพเดียวกันนั้น ก็คือ การที่หน่วยงานภาครัฐหลายแห่งได้มีการปรับมุมมองในเรื่องของการพัฒนา Application สำหรับการให้บริการประชาชน โดยหันมาใส่ใจเรื่องของ User Interface (UI) และ User Experience (UX) รวมถึงการทำ Digitization เพื่อเปลี่ยนบริการภาครัฐหรือกระบวนการทำงานมาเป็นรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น โดยมีการนำแนวคิด Design Thinking เข้ามาปรับใช้ในการออกแบบบริการดิจิทัลต่าง ๆ เพื่อให้บริการภาครัฐแบบดิจิทัลที่พัฒนาขึ้นมาสามารถใช้งานได้ง่ายดาย เข้าถึงผู้ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง และช่วยลดภาระการทงานของเจ้าหน้าที่ภาครัฐลงได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ในแง่ของระบบหลังบ้าน คุณวันชัยได้เล่าเพิ่มเติมว่าหน่วยงานภาครัฐหลายแห่งเริ่มเปิดกว้างต่อการนำบริการ Cloud เข้ามาใช้งาน หรือการลงทุนพัฒนาระบบ Cloud ของตนเอง รวมถึงการทำ Integration เพื่อผสานและเชื่อมรวมการทำงานของหลาย ๆ ระบบเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของข้อมูลหรือกระบวนการทำงาน ทำให้เกิดการบูรณาการข้อมูลในแต่ละภาคส่วนของหลายหน่วยงานเข้าด้วยกัน และมีความตระหนักถึงความสำคัญของธรรมาภิบาลข้อมูล (Data Governance) ว่าจะบริหารจัดการข้อมูลต่าง ๆ อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใช้หรือการควบคุมอย่างเป็นระบบ เพื่อมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนตัวของประชาชน และข้อมูลที่มีความสำคัญของหน่วยงานที่จัดเก็บไว้ จะไม่เกิดการรั่วไหล เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่มีการประกาศออกมาบังคับใช้ ประเด็นเหล่านี้เองถือเป็นก้าวเริ่มต้นที่ดีของหน่วยงานภาครัฐไทยหลายแห่งที่ได้เริ่มต้นทำ Digital Transformation กันอย่างจริงจัง และเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านวัฒนธรรมการทำงานในแต่ละหน่วยงาน ไม่มากก็น้อย ซึ่งก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายการทำงานกันมากขึ้นด้วย

คุณวันชัยให้ความเห็นว่า จุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีของหน่วยงานภาครัฐไทย แต่ก็ยังมีประเด็นที่หลายหน่วยงานอาจต้องพิจารณาเพิ่มเติมเพื่อเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่กำลังจะมาถึงอีก เช่น การกำหนดนโยบายที่ชัดเจนสำหรับการจัดซื้อจัดจ้าง การใช้งานบริการต่าง ๆ ในรูปแบบ Cloud ให้มีความสอดคล้องกับระเบียบปฏิบัติปัจจุบัน และให้มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น เพื่อให้การใช้บริการต่าง ๆ บนระบบของผู้ให้บริการคลาวด์ (Cloud Service Provider) ซึ่งมักมีรูปแบบการใช้งานเป็นการคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง (Pay per Use) ทั้งแบบรายวัน รายเดือน หรือรายปี รวมถึงมาตรฐานการให้บริการของแต่ละผู้ให้บริการที่แตกต่างกัน จะทำอย่างไรจึงจะปรับแนวคิดและกระบวนการในการตั้งงบประมาณ การตรวจรับ และการเบิกจ่ายให้สอดคล้องไปด้วยกัน ประเด็นนี้จะช่วยทำให้หน่วยงานภาครัฐสามารถขยับตัวได้รวดเร็วและคล่องตัวยิ่งขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังมีความสอดคล้องต่อความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี

Cloud, AI, Automation, Cybersecurity: 4 เทรนด์ใหญ่ที่หน่วยงานภาครัฐต้องจับตามอง

เมื่อชวนคุยถึงภาพในอนาคตของ Digital Government คุณวันชัยได้สรุปถึง 4 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองสำหรับหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่

Cloudจากการที่หน่วยงานภาครัฐเริ่มเปิดกว้างและมีการใช้งาน Cloud มากขึ้น ผสานรวมกับข่าวที่เหล่าผู้ให้บริการ Public Cloud ชั้นนำหลายรายทั่วโลกได้ลงทุนเตรียมเปิด Data Center และให้บริการในประเทศไทย คุณวันชัยจึงเชื่อว่าการใช้งานบริการ Cloud ในภาครัฐจะยิ่งเติบโตมากขึ้นไปอีกหลังจากนี้ ซึ่งภาครัฐเองก็คงจะต้องมีการพูดคุยกันในเรื่องของนโยบายให้ชัดเจนมากขึ้น เกี่ยวกับทิศทางการใช้ Cloud และการปรับกระบวนการทำงานต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับรูปแบบของ Cloud ต่อไป รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีโดยมีแนวคิด Hybrid Multicloud เป็นพื้นฐาน เพื่อให้การนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้งานมีความยืดหยุ่นและคุ้มค่าสูงสุดในอนาคต

AIถือเป็นเทคโนโลยีที่น่าจับตามองและติดตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ChatGPT และเหล่า Generative AI เป็นตัวอย่างที่ดีในการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นจาก AI ถึงแม้ทุกวันนี้หน่วยงานภาครัฐหลายแห่งอาจยังไม่พร้อมที่จะสร้างหรือพัฒนา AI ของตนเอง แต่การวางรากฐานที่ดีในเรื่องข้อมูลหรือ Data ภายในองค์กรเองก็เป็นก้าวแรกที่ควรเริ่มต้นได้ทันที เช่น การทำ Data Integration, การวาง Data Governance ไปจนถึงการศึกษาถึงแนวทางในการพัฒนา AI เฉพาะทางของแต่ละหน่วยงาน และการผสานระบบหรือนำเทคโนโลยี AI ใหม่ ๆ เข้ามาใช้ช่วยในการทำงาน โดยเฉพาะในส่วนของการติดต่อสื่อสารกับภาคประชาชนผ่านระบบ Contact Center ในช่องทางต่าง ๆ

Automationแม้คำนี้จะเป็นคำที่ได้ยินกันมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่สามารถนำมาใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานภาครัฐได้อยู่เสมอ ทั้งการทำ Automation ในส่วนของกระบวนการและการจัดการข้อมูลของภาครัฐ ไปจนถึงการประยุกต์นำ AI มาใช้งาน ซึ่งคุณวันชัยก็ระบุว่า ที่ผ่านมาหลายหน่วยงานเองก็ยังคงมองหาความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในการทำ Automation ให้กับแต่ละส่วนหรือกระบวนการอยู่ ทำให้เทคโนโลยีอย่าง RPA, OCR และ API ก็ยังเป็นสิ่งที่หน่วยงานภาครัฐต้องเรียนรู้และประยุกต์นำมาใช้งานต่อไป

Cyber Securityเมื่อมีการใช้เทคโนโลยีในการทำงานมากขึ้น แน่นอนว่าประเด็นด้าน Cybersecurity เองก็ย่อมต้องเข้มข้นยิ่งขึ้นตามไปด้วย ซึ่ง Cybersecurity จำเป็นต้องมีความครอบคลุมทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Hardware, Software, Data, Network, Process และ People แม้ว่าปัจจัยด้าน Cybersecurity จะทำให้โครงการโดยรวมมีความซับซ้อนสูงขึ้น และสร้างภาระหน้าที่ใหม่ ๆ ให้กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐและบริษัท IT ที่เข้าไปให้บริการ แต่ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องดำเนินการ และเป็นประโยชน์โดยตรงต่อประชาชน

PCC เลือกโซลูชั่น IBM ตอบโจทย์การวางระบบโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ให้กับโครงการ Digital Transformation ของหน่วยงานภาครัฐ

แน่นอนว่าในการดำเนินโครงการภาครัฐ การออกแบบและนำเสนอระบบ IT แบบครบวงจรนั้นเป็นส่วนสำคัญของโครงการ ซึ่งคุณวันชัยได้เผยว่า ทาง PCC เลือกที่จะนำเสนอโซลูชันของ IBM ให้แก่หน่วยงานภาครัฐเป็นหลัก จากปัจจัยหลายประการ ได้แก่

ความน่าเชื่อถือIBM เป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงินทั่วโลกมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีทั้งในด้าน Hardware (เช่น IBM Storage, IBM Power เป็นต้น) และ Software ที่มีศักยภาพพร้อมรองรับการ Transformation หรือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานสู่ Hybrid Cloud รวมถึงการใช้งาน AI ในระดับองค์กร และ Cybersecurity ดังนั้น IBM จึงถือเป็นองค์กรที่มีความพร้อมและครบถ้วนสมบูรณ์ในทุกมิติ ทำให้ในหลาย ๆ โครงการ PCC ได้เลือกใช้ Technology Stack จาก IBM มาเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการพัฒนา Software ให้แก่หน่วยงานภาครัฐ พร้อมทั้งมีระบบ Risk Management ที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น Backup, Disaster Recovery, Cybersecurity และ Data Privacy อย่างครบวงจรตลอด 24 ชั่วโมง

การให้คำปรึกษาเนื่องจาก IBM มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการดิจิทัลระดับโลก และยังมีประสบการณ์ในการดำเนินงานในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ทีมงานของ IBM จึงสามารถให้คำปรึกษาและแบ่งปันประสบการณ์ รวมถึงตัวอย่างโครงการที่เกี่ยวข้องในด้านนี้ได้เป็นอย่างดี ทำให้การออกแบบเทคโนโลยีใหม่ ๆ มีมุมมองที่รอบด้าน โดยผสมผสานองค์ความรู้จากทั่วโลกในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของโครงการในประเทศไทย

ความเชี่ยวซาญ ทีมงาน PCC มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีของ IBM มาเป็นเวลากว่า 30 ปี จึงมีความมั่นใจ ในการนำเสนอโซลูชันของ IBM ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ไปจนถึงการดูแลรักษาระบบด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ทีมงาน PCC สามารถทำงานร่วมกับทีมงาน IBM ได้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างรอบด้าน ครอบคลุมในทุกแง่มุมของโครงการ

การต่อยอดความหลากหลายของโซลูชันต่าง ๆ จาก IBM เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ PCC เลือกนำเสนอ IBM เพราะการทำโครงการภาครัฐมักเป็นโครงการระยะยาว การวางแผนเผื่ออนาคตและการมีทางเลือกในการต่อยอดที่หลากหลายจึงเป็นปัจจัยสำคัญ โซลูชั่นจาก IBM เหล่านี้ ทำให้ PCC เชื่อมั่นว่าการนำเสนอโซลูชันของ IBM เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะเสนอแก่หน่วยงานภาครัฐได้ และยังช่วยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง PCC และ IBM ในตลาดภาครัฐมีความเข้มแข็งมาโดยตลอด

ความท้าทายในโครงการ Digital Transformation ของภาครัฐ และข้อคิดจาก PCC

จากประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐมายาวนานกว่า 30 ปี คุณวันชัยพบว่าความท้าทายที่สำคัญที่สุดในการดำเนินโครงการ Digital Transformation สำหรับภาครัฐ ไม่ได้อยู่ที่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของ “การบริหารทรัพยากรบุคคล” ในมุมมองของคุณวันชัย การดำเนินโครงการ Digital Transformation ให้ประสบความสำเร็จนั้น “คน” ถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากบุคคลเพียงคนเดียว แต่ต้องเป็นการขับเคลื่อนร่วมกันทั้งองค์กร สิ่งนี้เองที่ทำให้โครงการ Digital Transformation แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากโครงการระบบ IT ของภาครัฐในอดีต คุณวันชัยยังได้สรุปข้อคิด 4 ประการ ที่ได้จากการสังเกตหลายโครงการ Digital Transformation ของภาครัฐที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งล้วนมีจุดร่วมที่น่าสนใจ ดังนี้

1.การมีส่วนร่วมของบุคลากรที่เกี่ยวข้องคุณวันชัยระบุว่า โครงการ Digital Transformation ที่ประสบความสำเร็จ จะต้องมีความรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของจากผู้รับผิดชอบโครงการและผู้เกี่ยวข้องทุกคนร่วมกัน เพราะแต่ละโครงการมักมีขนาดใหญ่และมีโครงสร้างที่ซับซ้อน รวมถึงต้องมีการตัดสินใจจากหลายภาคส่วน ดังนั้น การรับผิดชอบและผลักดันอย่างจริงจังจากทุกคนที่เกี่ยวข้องในโครงการจึงช่วยให้การกำหนดทิศทางและการขับเคลื่อนโครงการเป็นไปอย่างเหมาะสม ตอบโจทย์ที่แท้จริงสำหรับทุกคนได้สำเร็จ

2.การสื่อสารที่ดีต่อผู้บริหารด้านนโยบายในการทำ Digital Transformation ใด ๆ ในภาครัฐนั้น มักเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบหรือกระบวนการทำงานครั้งใหญ่ และแน่นอนว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบหรือนโยบายให้สอดคล้องกับทิศทางที่มุ่งไป ดังนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการสื่อสารที่ชัดเจนไปยังผู้บริหารด้านกฎระเบียบหรือนโยบาย เพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้ และช่วยให้โครงการที่คิดขึ้นสามารถขับเคลื่อนไปสู่การใช้งานจริงได้ ตอบโจทย์ทั้งกระบวนการใหม่ที่ออกแบบด้วยแนวคิด Design Thinking และการกำหนด User Experience ที่ผู้ใช้งาน อาจเป็นเจ้าหน้าที่ภายในองค์กรเองหรือภาคประชาชน

3.การกำหนดลำดับความสำคัญของโครงการให้สูงแน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ภาครัฐหลายท่านมีภาระหน้าที่รับผิดชอบอยู่มาก ทำให้หลายครั้งโครงการ Digital Transformation กลายเป็นภาระหน้าที่เพิ่มเติม ส่งผลให้การดำเนินโครงการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องอาจไม่สามารถแบ่งเวลามาจัดการงานในส่วนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การกำหนดลำดับความสำคัญของโครงการเหล่านี้ให้สูง และสื่อสารถึงความสำคัญอย่างชัดเจนจะช่วยให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

4. การเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาเปลี่ยนแปลง สุดท้าย สิ่งที่คุณวันชัยได้เห็นจากประสบการณ์ที่ผ่านมานั้นคือการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามา ร่วมเปลี่ยนแปลงผ่านการทำ Digital Transformation ของหน่วยงานภาครัฐ เพราะเจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ ๆ นั้น นอกจากจะมีศักยภาพและความชำนาญด้านเทคโนโลยีแล้วก็ยังมีมุมมองและความเข้าใจต่อความต้องการของประชาชนรุ่นใหม่อีกด้วย ดังนั้น โครงการที่สำคัญนี้ จึงควรต้องมีการรับฟังข้อคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่รัฐรุ่นใหม่ หรือเปิดให้เจ้าหน้าที่รัฐรุ่นใหม่นี้ได้เข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบในโครงการโดยตรง ซึ่งจะทำให้หน่วยงานรัฐไม่ถูกยึดติดกับแนวคิดและแนวระเบียบปฏิบัติบัติแบบเดิม ๆ และอาจจะแนวคิดและมุมมองใหม่ ๆ รวมถึงยังได้สร้างบุคลากรอันทรงคุณค่าต่อหน่วยงานขึ้นมาอีกด้วย ทั้งนี้ ผู้บริหาร เองควรให้โอกาสและสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ ๆ ได้แสดงศักยภาพของตัวเองให้เต็มที่ และรับบทบาทในฐานะของผู้ใหญ่ผ่านประสบการณ์มามากกว่าที่คอยให้ความช่วยเหลือแนะนำ แชร์มุมมองจากประสบการณ์ในแง่มุมต่าง ๆให้กับคนรุ่นใหม่แทน สามารถค้นหาตัวอย่างของการนำเทคโนโลยี IBM Cloud API Connect ไปปรับใช้กับองค์กรต่าง ๆ

https:/www.ibm.com/case-studies/ctil-cement-division-hybrid-cloud-integration-api-connect หรือตัวอย่างการนำ IBM Cloud Pak for Business Automation ไปปรับใช้ เช่น https://www.ibm.com/case-studies/mng-kargo-cloud-pak

News & Events

Related News &
Events